บมจ. เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) กำหนดราคาขายไอพีโอ 2.20 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม และวันที่ 2 – 3 พฤศจิกายน ดีเดย์เข้าซื้อขายใน SET 9 พฤศจิกายนนี้ แต่งตั้ง บล.ธนชาต เป็นแกนนำการเสนอขายหลักทรัพย์ พร้อม 3 โบรกเกอร์ชั้นนำ มั่นใจกำหนดราคาไอพีโอเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ชูศักยภาพความเป็นหนึ่งในผู้นำสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ครอบคลุมทุกแบรนด์ชั้นนำทั่วประเทศ พร้อมก้าวสู่ธุรกิจการเงินด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย ประกอบกับความสามารถในการทำกำไรเติบโตกว่า 30% ในช่วงครึ่งปีแรก และพร้อมขยายการเติบโตในอนาคต หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนระยะยาว 

นางสาวพันทิตา แซ่เอ็ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (NCAP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคา IPO หุ้นละ 2.20 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม และวันที่ 2 – 3 พฤศจิกายนนี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มธุรกิจการเงิน / เงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN) โดยกำหนดวันที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายเป็นวันแรกวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “NCAP” 

พร้อมกันนี้ ยังมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) 

“เรามั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ NCAP ในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ด้วยราคาไอพีโอที่กำหนดไว้เป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ โดยมีจุดแข็งคือพอร์ตสินเชื่อที่มีคุณภาพและการบริหารจัดการติดตามหนี้ที่พัฒนาอย่างเป็นระบบ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการทำงาน ทำให้ธุรกิจอยู่ในช่วงขยายการเติบโตของรายได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยสูงถึง 30% ต่อปี (CAGR) ในขณะที่สามารถบริหารจัดการ NPL ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอุตสาหกรรม จึงเชื่อมั่นว่า NCAP จะเป็นอีกหุ้นการเติบโตที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน” นางสาวพันทิตา กล่าว 

คุณสมชัย ลิมป์พัฒนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด(มหาชน) (NCAP) เปิดเผยว่า จำนวนเงินที่ระดมทุนได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ก่อนหักค่าใช้จ่าย ในครั้งนี้ ประมาณ 660 ล้านบาท จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายพอร์ตสินเชื่อ 80% ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน 15% และลงทุนในระบบสารสนเทศเพื่อพัฒนาระบบการให้บริการสินเชื่อและระบบสนับสนุนการทำงาน 5% ระยะเวลาที่ใช้โดยประมาณ ภายในปี 2564 เพื่อรองรับแผนขยายสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน NCAP มีมูลค่าพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท และมีจำนวนบัญชีประมาณ 100,000 ราย มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศรวม 24 สาขา อีกทั้ง มีดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่ายรถเป็นพันธมิตรของบริษัทฯ ในพื้นที่ต่างๆ ประมาณ 600 ราย ซึ่งบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งและเป็นผู้นำในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมเตรียมขยายพอร์ตสินเชื่อและการให้บริการไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยมีแผนที่จะขยายสาขาในปี 2564 จำนวน 1 แห่ง และในปี 2565 จำนวน 2 แห่ง รวมทั้งการลงทุนในระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ได้แก่ ระบบ Mobile Application และระบบ Credit Scoring คาดแล้วเสร็จในปีนี้ และระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร (ERP) อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดจะแล้วเสร็จตามแผนในปีหน้า จึงมั่นใจว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายพอร์ตสินเชื่อใหม่ของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในปี 2564 

ด้าน นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวถึงการกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมและมีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจาก NCAP มีจุดเด่นในการเป็นผู้ประกอบการในกลุ่มผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non-Banks) เพื่อให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ครอบคลุมแบรนด์ชั้นนำ ได้แก่ Honda, Vespa, Kawasaki และ Suzuki ประกอบกับความเชี่ยวชาญของผู้บริหาร ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มายาวนาน มีความสัมพันธ์อันดีกับตัวแทนจำหน่าย และมีความพร้อมในการพัฒนาระบบเทคโนโลยี รองรับโอกาสในการขยายตลาดของบริษัทฯ รวมถึง แนวโน้มความต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น แม้ในท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 

โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ยสูงถึงกว่า 30% ต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 รายได้รวมอยู่ที่ 561.89 ล้านบาท เติบโตขึ้น 18.67% มีกำไรสุทธิ 70.65 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30.34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมี NPL อยู่ที่เพียง 2.26% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับในอุตสาหกรรม จึงเชื่อว่า NCAP จะเป็นอีกหุ้น Growth Stock ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนในระยะยาว

ข้อมูลจาก  https://www.bluechipthai.com